ซึ่งจะเข้าไปขจัดปัญหาหนี้สินนอกระบบโดยตรง ดังนี้ คาดว่าจะสามารถปรับปรุงระบบให้เสร็จได้เร็วที่สุดข้างในปลายปี 2564 นี้
ดังนี้ แบบอย่างสินเชื่อรายวันนั้นจะมีผลให้อย่างกับลูกค้ามีวงเงินกู้เบิกเกินบัญชี หรือ O/D ซึ่งสามารถขอสินเชื่อมากขึ้น หรือลดน้อยลงได้ภายใต้วงเงินที่มีอยู่ แล้วก็คิดอัตราค่าดอกเบี้ยรายวันตามยอด
โดยจะเป็นการแปลงส่วนประกอบใหญ่ ไม่ใช่ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งมี 3-4 ส่วนที่จำต้องทำ อีกทั้งการพัฒนาระบบ MyMo การพัฒนาระบบคิดบัญชี แล้วก็ระบบข้างในด้วย โดยควรต้องหาพาร์ตเนอร์มาปฏิบัติหน้าที่คิดบัญชีให้ด้วย ซึ่งจำเป็นต้องทำทั้งประเทศ ทุกตลาด
“แนวทางการทำสินเชื่อรายวันต้องมีการปรับระบบ ปรับกรรมวิธีคอนเน็กชั่นด้วยดังเช่น แม่ค้าตามตลาดกู้สินเชื่อไป 10,000 บาท ไปขายของแล้วได้กำไร 12,000 บาท แล้วจะนำ 2,000 บาทมาคืน จะทำยังไงมอบเงิน 2,000 บาท ฝากเข้าธนาคารได้ ซึ่งเป็นการชำระเงินครั้งละวัน พวกเราก็เลยจำเป็นต้องนึกถึงเรื่องระบบทั้งสิ้น เนื่องจากถ้าหากฝากตู้ เอทีเอ็ม ก็มิได้มีทุกหนทุกแห่งที่จะฝากได้ หรือจะให้มีคนเดินเก็บ แม้กระนั้นตอนนี้วัววิดระบาดหนักก็จะไม่ไหว” นายวิทัชูล่าว
นายวิทัยกล่าวว่า การคิดอัตราค่าดอกเบี้ยสินเชื่อรายวันจะมิได้สูงมากมาย แม้กระนั้นก็สูงยิ่งกว่าการให้สินเชื่อธรรมดา เพราะมีการเสี่ยงสูง โดยบางครั้งอาจจะคิดอัตราค่าดอกเบี้ยเดือนละ 1-1.50% ซึ่งจะถูกกว่าหนี้สินนอกระบบ ยกตัวอย่างเช่น กู้ยืมเงิน 10,000 บาท ถ้าเกิดตลอดปีไม่ใช้หนี้ใช้สินเลย คิดอัตราค่าดอกเบี้ยปีละ 12% ก็จำเป็นที่จะต้องจ่ายดอก 3,500 บาทเป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ยังอยู่ระหว่างการไตร่ตรองอัตราค่าดอกเบี้ยที่สมควร ปัจจุบันนี้ยังมิได้สรุป แต่ว่าคาดว่าจะให้วงเงินสินเชื่อได้สูงสุดรายละไม่เกิน 20,000 บาท
นอกเหนือจากนั้น ในครึ่งปีข้างหลังยังจะสนับสนุนบริการสินเชื่อที่ดินรวมทั้งวิธีขายฝาก โดยอาจเริ่มต้นดำเนินธุรกิจตอนต้นปี 2565 หรือโดยประมาณตอนเดือน เม.ย. ซึ่งส่วนประกอบสินเชื่อที่ดินนั้น ถ้าเกิดปฏิบัติงานเช่นเดียวกับสินเชื่อมีที่มีเงิน ก็จะเป็นสินเชื่อที่มีหลักประกัน แม้กระนั้นถ้าเกิดจะดำเนินงานให้ครอบคลุม ควรต้องเข้ามองเรื่องขายฝากด้วย โดยขายฝากจำเป็นต้องโอนที่ดินมาก่อน ไม่เหมือนกับสินเชื่อที่ดิน ที่จะจำเป็นต้องเอาที่ดินมาจำนำ
“ออมสินต้องการจะทำทั้งยัง 2 ส่วน ทั้งยังสินเชื่อที่ดิน รวมทั้งขายฝากที่ดิน เพื่อช่วยเหลือดูแลประชาชนได้อย่างครอบคลุม อย่างไรก็แล้วแต่ 2 ส่วนนี้ ในแนวทางไม่สมควรปฏิบัติงานภายใต้ธนาคาร ด้วยเหตุว่ามิได้พิจารณาหลักเกณฑ์เครดิตบูโร รวมทั้งรายได้ก็ไม่ค่อยตรงกับหลักเกณฑ์ของธนาคารชาติ (ธนาคารแห่งประเทศไทย) ด้วยเหตุดังกล่าว บางครั้งอาจจะจะต้องทำเป็นส่วนประกอบแยกออกมา แม้กระนั้นในเวลานี้ยังไม่กลายเป็นผลึก” นายวิทัยกล่าว
ผู้อำนวยการธนาคารออมสินกล่าวเพราะว่า ส่วนอีกประเด็นที่จะดำเนินงานในตอนครึ่งปีข้างหลังเป็นการผลิตอาชีพให้สามัญชนโครงสร้างรองรับ ซึ่งจะต้องให้เหตุการณ์วัววิดดียิ่งขึ้นก่อนก็เลยจะเริ่มทำงาน โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มทำงานได้ช่วงปลายปีนี้
เวลาที่ผลที่ได้รับจากการดำเนินงานครึ่งปีแรก หมดใน30 ไม่.ย. 2564 ธนาคารออมสินมีทรัพย์สินรวม 2.86 ล้านล้านบาท มีเงินฝาก 2.45 ล้านล้านบาท และก็สินเชื่อรวม 2.19 ล้านล้านบาท
โดยท่ามกลางวิกฤตโควิดที่สถาบันการเงินต่างรอบคอบการปลดปล่อยสินเชื่อ ธนาคารออมสินได้มีหน้าที่ปลดปล่อยสินเชื่อเข้าระบบอย่างเต็มเปี่ยม โดยอัดฉีดจำนวนเงินเข้าระบบเศรษฐกิจแล้วมากยิ่งกว่า 2.7 แสนล้านบาท เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้พลเมืองรวมทั้งภาคธุรกิจ
นอกจากนั้น สามารถบริหารจัดแจงหนี้สูญอยู่ในระดับไม่เกิน 2% รวมทั้งเพิ่มการป้องกันสำรองส่วนเกิน (general provision) เพื่อสร้างเสริมความแข็งแกร่งอีกกว่า 3.2 หมื่นล้านบาท ทำให้ค่าเผื่อหนี้สินสงสัยจะสูญต่อสินเชื่อไม่มีคุณภาพ (coverage ratio) มากถึง 205.15%
นอกนี้ ในรอบปีให้หลัง ธนาคารออมสินได้สร้างช่องทางเข้าถึงแหล่งเงินแก่ลูกค้ารายย่อยเยอะๆกว่า 3.2 ล้านคน ผ่านมาตรการสินเชื่อ เป็นต้นว่า สินเชื่อเสริมพลังโครงสร้างรองรับ สินเชื่อรีบด่วนสำหรับผู้มีอาชีพอิสระ รวมทั้งสินเชื่อสู้ภัย COVID-19 ฯลฯ
โดยในปริมาณนี้แบงค์ได้สร้างช่องทางการเข้าถึงสินเชื่อในระบบให้กับสามัญชนมากยิ่งกว่า 2.5 ล้านคน ซึ่งเป็นคนที่ไม่เคยมีประวัติเครดิตทางด้านการเงิน หรือมีเครดิตน้อยกว่าหลักเกณฑ์อนุมัติธรรมดาของสถาบันการเงิน
สำหรับผู้ประกอบกิจการ SMEs รายเล็กนั้น แบงค์ได้ช่วย SMEs ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อเป็นค่ามากถึงกว่า 162,000 ล้านบาท ผ่านมาตรการสินเชื่อ อาทิเช่น สินเชื่อ Soft Loan ธนาคารออมสิน สินเชื่อฟื้นฟูธุรกิจการท่องเที่ยว แล้วก็สินเชื่ออิ่มอกอิ่มใจ (ธุรกิจห้องอาหาร) ฯลฯ รวมทั้งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ “สินเชื่อ SMEs มีที่ มีเงิน” ที่ช่วยทำให้ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายมากยิ่งขึ้น